วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วัดอาซากุสะ

เมื่อพูดถึงวัดดังในประเทศญี่ปุ่นแล้ว คงจะหนีไม่พ้นวัดอาซากุสะ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่าเซนโซจิ (Sensouji : 浅草寺) ที่ว่ากันว่าถ้ามาโตเกียวแล้วไม่ได้มาวัดนี้ถือว่ามาไม่ถึงกันเลยทีเดียว
 OLYMPUS DIGITAL CAMERA
ซึ่งสัญลักษณ์ของวัดนี้ที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันก็คือ โคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ที่เขียนตัวอักษรคันจิว่า 雷門 (Kaminari-Mon) แปลว่า ประตูสายฟ้า วัดอาซากุสะนั้นตั้งอยู่บล็อกที่สองของย่านอาซากุสะในเขตไตโตจังหวัดโตเกียว (東京都台東区浅草二丁目) วิธีมาง่ายที่สุดก็คือให้ขึ้นรถไฟ Subway สายอาซากุสะ (Asakusa Line : 浅草線) เส้นสีชมพูโอรส หรือสายกิงซ่า (Ginza Line : 銀座線) เส้นสีเหลืองส้ม มาลงที่สถานีอาซากุสะได้เลย
 1143b4b378fa5f8e7b55049024506c7e
วัดอาซากุสะเป็นวัดในศาสนาพุทธ แต่เดิมนั้นเป็นวัดของนิกายเทนได (天台宗) ต่อมาในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ถูกจัดให้เป็นวัดหนึ่งในอารามชั้นเอกของนิกายอวโลกิเตศวร (聖観音宗の総本山) มีพระอวโลกิเตศวรหรือเจ้าแม่กวนอิมเป็นพระประธาน และถูกจัดให้เป็นวัดอันดับที่ 1 ของการจาริกบูชาเจ้าแม่กวนอิมในเอโดะ 33 แห่ง (江戸三十三箇所観音霊) นอกจากนี้ยังเป็นวัดอันดับที่ 13 จาก 33 แห่ง ของการจาริกบูชาเจ้าแม่กวนอิมในเมืองบันโด (坂東三十三箇所観音霊)
**คนญี่ปุ่นจะเรียกเจ้าแม่กวนอิมว่า “คันนน-ซามะ” (Kannon-Sama : 観音様)** 
 129510029604416324597_236_01_20110115230453
สิ่งแรกที่จะสามารถสังเกตได้เมื่อมาที่นี่ก็คือโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ที่เขียนว่า 雷門 ซึ่งอยู่ด้านหน้าติดกับถนน โดยด้านข้างซ้ายขวานั้นจะมีเทพทวารบาลอย่างฟูจิน (เทพแห่งลม : 風神) และไรจิน (เทพสายฟ้า : 雷神)ประทับอยู่ ส่วนทางด้านหลังของเทพทวารบาลทั้งสองจะมีรูปปั้นของมนุษย์ชายหญิงคู่หนึ่ง ว่ากันว่าเป็นมังกรจำแลงมา… คามินาริมง นั้นถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีหลักฐานปรากฎ มีแต่รายงานบันทึกความเสียหายจากการถูกไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1865 หลังจากนั้นหนึ่งศตวรรษ (ประมาณปี 1960) ก็ได้ถูกบูรณะขึ้นมาอีกครั้งด้วยคอนกรีตเสริมใยเหล็ก ส่วนโคมสีแดงนั้นก็ได้รับมาจากประธานของบริษัทมัสซึชิตะเดงคิ (松下電器産業) นำมาถวายเพื่อแก้บนให้หายป่วยจากโรคภัย ในหนึ่งปีนั้นจะมีการยกโคมลูกนี้ไปเก็บด้วย 2 เหตุผลเท่านั้นคือ เนื่องในเทศกาลซานจะ (Sanja-Matsuri : 三社祭り) กับเมื่อมีพายุไต้ฝุ่นเข้าเท่านั้น
 仲見世
พอเดินผ่านคามินาริมงเข้ามาก็จะเจอ ถนนการค้านากามิเสะ (Nakamise : 仲見世) ถนนนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยเอโดะตอนปลาย เพื่อเป็นย่านไว้สำหรับขายของที่ระลึกของเมืองเอโดะ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาพื้นที่บริเวณรอบๆวัดให้เป็นย่านการแสดงศิลปวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นโรงละคร สถานแสดงศิลปะต่างๆ ต่อมาในสมัยเมจิ (明治時代) จึงมีการปรับปรุงย่านการค้าให้เป็นระเบียบมากขึ้น โดยใช้วัสดุก่อสร้างที่มีความคงทน และในสมัยไทโช (大正時代) จึงได้มีการสร้างโรงละครโอเปร่าของอาซากุสะขึ้น (浅草オペラ) ซึ่งเป็นที่สำหรับแสดงละครสมัยใหม่แห่งแรกในญี่ปุ่น
C0F5C1F0BBFB200810
เมื่อเดินมาสุดถนนก็จะพบกับซุ้มประตูใหญ่อีกหนึ่งซุ้ม ซึ่งก็มีโคมกระดาษสีแดงลูกใหญ่แขวนอยู่อีกหนึ่งลูกเขียนว่าโคะบุเนะโจ (小舟町) ด้านซ้ายและขวาจะมีเทพทวารบาลคอยขับไล่สิ่งชั่วร้ายอีก 2 องค์ (金剛力士) ที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า “อา-อุม” ส่วนด้านหลังซุ้มจะมีรองเท้าเชือกสานแบบโบราณขนาดยักษ์แขวนอยู่ฝั่งละข้าง เพื่อเป็นการข่มขู่สิ่งชั่วร้ายทั้งหลายว่านี่เป็นขนาดฝ่าเท้าของเทพทวารบาล
6966274433_e8e000aa03
display
ซึ่งวัดอาซากุสะมีตำนานว่า…
วัดอาซากุสะได้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยจักรพรรดินีซุยโกะ (推古天皇) ในปี ค.ศ. 628 ว่ากันว่ามีพี่น้องชาวประมงสองคนชื่อว่าฮามานาริ ฮิโนคุมะ (Hamanari Hinokuma : 檜前浜成) และทาเกะนาริ ฮิโนคุมะ(Takenari Hinokuma : 檜前竹成) อาศัยอยู่ในบริเวณแม่น้ำมิยาโต (宮戸川) ปัจจุบันคือแม่น้ำสุมิดะ (隅田川) วันหนึ่งสองพี่น้องก็ได้ออกหาปลาดั่งเช่นทุกวัน แต่เมื่อทอดแหจับปลา กลับมีรูปสลักองค์เจ้าแม่กวนอิมติดขึ้นมา ซึ่งมีลักษณะเป็นองค์สีทองมีความยาว 1 ซึน 8 บุน (一寸八分) ประมาณ 5.5 ซม. ทั้งสองจึงได้นำไปถวายพระชั้นผู้ใหญ่ประจำหมู่บ้านที่มีชื่อว่าฮาจิโนะนากาโทโมะ (Hajinonakatomo : 土師中知) แล้วจึงออกบวชตามแรงศรัทธา ส่วนรูปสลักที่ได้มานั้นไม่เคยถูกเปิดเผยในที่สาธารณะเลย แต่ก็มีปรากฏในจดหมายเหตุทั้งพยานวัตถุที่อ้างอิงถึงยุคสมัยนั้นและบริบทต่างๆที่สามารถเชื่อถือได้ ว่ากันว่าพระภิกษุบางรูปได้มีโอกาสเห็นรูปสลักนั้นด้วย
ในปี ค.ศ. 1923 ย่านการค้าอาซากุสะได้เกิดความเสียหายเพียงเล็กน้อยจากแผ่นดินไหวในโตเกียว แต่ว่าในปี ค.ศ. 1945 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วัดอาซากุสะได้สูญเสียเจดีย์ 5 ชั้น และหอพระอวโลกิเตศวรไปจากการถูกโจมตีทางอากาศ หลังจากนั้นประชาชนจึงร่วมแรงร่วมใจกันบูรณะและฟื้นฟูบริเวณรอบๆวัดขึ้นมาใหม่ด้วยความศรัทธาในเจ้าแม่กวนอิม แล้วจึงพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวจนโด่งดัง
asakusa2

sensoji01

เมื่อเข้ามาในบริเวณวัดจะเห็นกระถางธูปขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางแจ้ง โดยความเชื่อว่าถ้าได้รับควันจากกระถางธูปนี้ติดตัวมาจะมีความโชคดี ฉะนั้นเราจะเห็นคนที่ไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมไปยืนกวักเอาควันธูปเข้าตัวกันเต็มพื้นที่กระถางธูปกันเลย และส่วนที่ศาลเจ้าจะขาดไม่ได้เลยก็คือบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่มีความเชื่อว่าตั้งไว้สำหรับให้ผู้คนไว้ล้างชำระสิ่งสกปรก พอเสร็จจากตรงนี้แล้วก็เดินเข้าไปภายในอาคารเพื่อสักการะเจ้าแม่กวนอิมได้เลย ส่วนรอบๆบริเวณวัดนั้นจะมีขายเครื่องรางของขลัง และมีเซียมซีแบบญี่ปุ่นให้เสี่ยงทายอยู่ด้วย…
3764628447_56833c8f28

cr. http://anngle.org/th/j-culture/culture/sensouji-kannonsama.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น